สรุปเนื้อหา หลังเข้าร่วมสัมมนา Developers.IO 2020 Showcase 「129ปี บริษัท LION、ตัวอย่างกรณีศึกษา การพัฒนาแปรงสีฟันด้วย IoT เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมให้เด็กๆมีความสนุกและรักการแปรงฟันมากยิ่งขึ้น」 #devio_showcase
สวัสดีครับทุกคน ปอ จาก Classmethod Thailand ครับ! เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเข้าร่วมการสัมมนา Developers.IO Showcase ที่จัดขึ้นโดยบริษัท Classmethod สาขาหลักที่ประเทศญี่ปุ่นของเรา ในหัวข้อ 創業129年のライオンが、子どもの歯みがき嫌いの“あたりまえ”をかえる。 アジャイル開発で実現した、子どもの自主性を育むIoTハブラシの事例紹介 หรือชื่อในภาษาไทยก็คือ(129ปี บริษัท LION、ตัวอย่างกรณีศึกษา การพัฒนาแปรงสีฟันด้วย IoT เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมให้เด็กๆมีความสนุกและรักการแปรงฟันมากยิ่งขึ้น) ดังนั้นบทความในครั้งนี้ จะขอพูดถึงประสบการณ์ และความรู้ที่ได้รับ จากการสัมมนาในครั้งนี้ให้ผู้อ่านได้รับทราบไปด้วยกันนะครับ
ในส่วนของหัวข้อที่ได้เข้าร่วมการสัมมนานั้นจะเกี่ยวข้องกับการใช้ IoT เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากที่เหมาะสำหรับเด็ก และทำให้เด็กมีความเพลิดเพลินและสนุกสนานกับการแปรงฟันมากยิ่งขึ้น สืบเนื่องจาก ปัญหาพฤติกรรมการแปรงฟันของเด็กๆนั้น เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่เหล่าผู้ปกครองมีความกังวลใจ ดังนั้นทาง Lion จึงได้ร่วมมือกับทาง Classmethod.inc โดยเริ่มตั้งแต่การทดสอบการใช้งานของระบบ ไปจนถึงรวบรวมความคิดเห็นและเสียงตอบรับจากลูกค้า สำหรับการพัฒนาตัวแปรงสีฟันให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กๆ เพื่อให้พวกเขามีความรู้สึกที่ดี และอยากจะแปรงฟันด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น จึงได้พัฒนาแปรงสีฟันที่เชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Hamigaki no Okeiko ขึ้นมา
โดยเนื้อหาของบทความ ทางผู้เขียนจะขออธิบายถึงความเป็นมาในการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยแบ่งเป็นหัวข้อดังต่อไปนี้
ที่มาของผลิตภัณฑ์
โดยจากผลการสำรวจในประเทศญี่ปุ่น พบว่า เด็กในช่วงวัย 3-6 ขวบนั้นมีความรู้สึกที่ไม่อยากจะแปรงฟันสูงถึง 68% ดังนั้นทางบริษัทจึงอยากที่จะทำผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เด็กมีความสนใจในการแปรงฟันมากยิ่งขึ้นควบคู่ไปกับความปลอดภัยในการใช้งาน อีกทั้ง ปัญหาของผู้ปกครองบางท่านที่มีเวลาทำกิจกรรมร่วมกันกับเด็กๆไม่มากนั้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์จึงจะต้องออกแบบมาเพื่อ ในการใช้เวลาร่วมกันระหว่างผู้ปกครองกับลูกๆของพวกเขา และสามารถแสดงให้เห็นถึงความพัฒนาของเหล่าเด็กๆได้ และอีกหนึ่งปัญหาที่พบ จากการแปรงฟันของเด็กๆคือ เด็กๆมักจะเบื่อหน่าย และลองพยายามทำมันแค่ในครั้งแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะกลับมามีความรู้สึกที่ไม่อยากจะแปรงฟันอย่างเดิม ดังนั้นเราจึงต้องทำผลิตภัณฑ์ที่ทำให้พวกเขาพึงพอใจและเต็มใจที่จะใช้มันอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์นั้น เพื่อที่จะทำให้ไม่เกิดปัญหาและเกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน จึงมีการทำแบบสำรวจการใช้งาน โดยให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งานผลิตภัณฑ์ และประเมินการใช้งานเพื่อรวบรวมความคิดเห็นที่ได้รับมา ไปปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยจะแบ่งขั้นตอนในการทำงานเป็น 3 ส่วน คือ
การออกแบบผลิตภัณฑ์
ในขั้นตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์นั้น ทางบริษัทมีความทุ่มเทเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรจะสร้างผลิตภัณฑ์แบบใด ให้เหมาะกับการใช้งาน ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย จึงได้มีการสร้าง Storyboard เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์ การทำงานของผลิตภัณฑ์และผลลัพธ์ที่คาดหวังให้เกิดขึ้น อีกทั้งสร้างแบบสอบถามให้กับกลุ่มเป้าหมาย(คุณแม่)เกี่ยวกับความคิดเห็นในผลิตภัณฑ์ เพื่อนำมาวางแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป
สร้าง Prototype
ในขั้นตอนนี้จะใช้วิธีสร้างผลิตภัณฑ์แบบจำลองขึ้นมาในรูปแบบ 3D Print โดยให้เด็กๆกลุ่มเป้าหมายได้ทดลองใช้ โดยจะยังไม่ติด sensor ไว้ และทำการพากย์เสียงแบบเรียลไทม์ในอีกห้องหนึ่ง เพื่อดูเสียงตอบรับจากเด็กๆที่เป็นผู้ใช้งาน
การพัฒนาในช่วงต้น
ในช่วงแรกของการวางแผนพัฒนา ทางบริษัท LION ได้มีการวางรูปแบบในการดำเนินการแบบ Waterfall แต่เมื่อได้มาปรึกษากับทาง Classmethod แล้ว จึงได้คำแนะนำว่า ควรจะมีการวางรูปแบบในการทำงานแบบ Agile เพื่อที่จะประเมินผลจากการใช้งานของลูกค้า และนำความคิดเห็นไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้เกิดคุณภาพในการใช้งานที่ดีขึ้น และทำให้เด็กๆที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ มีความรู้สึกที่อยากจะใช้งาน
และเพื่อที่จะให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่วางแผนไว้ตามเป้าหมาย จึงให้ความสำคัญในการพัฒนาแบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ
- การพัฒนาด้าน Device และ Firmware
- การพัฒนาด้าน Application
การพัฒนาด้าน Device และ Firmware
ในส่วนทางด้าน Device นั้น มีการใส่ใจทางด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความคล่องตัวในการใช้งาน และในส่วนของ Firmware นั้นได้มีการนำประสบการณ์จากการสำรวจการใช้งานจากผู้ใช้ มาพัฒนาระบบให้มีความสะดวกในการใช้งานให้มากที่สุด
การพัฒนาด้าน Application
มีการนำผลลัพธ์ที่ได้จากการสำรวจการใช้งานจากผู้ใช้มาพัฒนาแอปพลิเคชันให้มีความน่าใช้งาน
การพัฒนาด้านการออกแบบ Character
มีการค้นคว้าจากหนังสือภาพ แอปพลิเคชัน และเกมต่างๆ มาออกแบบเพื่อใหมีความน่าสนใจในการใช้งาน
การพัฒนาในช่วงปลาย และการเปิดตัว
ในช่วงปลายของการพัฒนาได้มีการนำผลิตภัณฑ์ไปปรึกษาและขอคำแนะนำในการใช้จาก 2 ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ปกครองอีกกว่า 174 ท่าน
โดยผู้เชี่ยวชาญนั้นได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ไว้ว่า "ตัวผลิตภัณฑ์นั้นมีความน่าสนใจในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการส่งเสริมการเรียนรู้วิธีการแปรงฟันจากภาพวาด ซึ่งมีองค์ประกอบที่ดีและน่าติดตาม" ทำให้เด็กๆสามารถเพลินเพลินและสนุกไปกับการแปรงฟันได้
อีกทั้งตัวแอปพลิเคชัน ยังมีระบบการติดตามพัฒนาการของเด็กๆ แต่ละคนอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นผลสำรวจคะแนนการแปรงฟันของเด็กๆในแต่ละครั้ง พร้อมกับบอกวิธีที่จะทำให้ได้คะแนนเพิ่มมากขึ้น หรือจะเป็นการแจ้งเตือนให้เปลี่ยนแปรงสีฟัน หากขนแปรงสีฟันที่ใช้งานมีความหยาบ เพราะจะทำให้ไม่สามารถกำจัดสิ่งสกปรกออกไปได้ เป็นต้น
ทางด้านผลตอบรับจากทางฝั่งผู้ปกครองนั้น ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี ตามที่คาดหมายไว้ โดยผลสำรวจจหลังมีการใช้งานผ่านไป 3 เดือน เด็กๆมีพัฒนาการในการแปรงฟันที่ดีขึ้นอีกทั้งยังมีความรู้สึกว่า สามารถทำมันต่อไปได้เรื่อยๆโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย และเริ่มอยากจะแปรงฟันด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น
ก็ถือว่าเป็นอีก 1 นวัตกรรมที่ทางผู้เขียนเองคิดว่าน่าสนใจไม่น้อย และมีประโยชน์อย่างมากต่อเด็กๆ สำหรับในบทความนี้ทางผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านจะได้รับความรู้จากบทความที่อ่านไปไม่มากก็น้อย ก่อนจะลากันไป ทางผู้เขียนก็ขอฝากวิดีโอโฆษณาน่ารักๆ ของตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับชม สำหรับบทความในครั้งนี้ก็ขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความครั้งต่อไป..สวัสดีครับ!